วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

จังหวัดนราธิวาส

จังหวัดนราธิวาส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จังหวัดนราธิวาส
ตราประจำจังหวัดนราธิวาสตราผ้าพันคอลูกเสือจังหวัดนราธิวาส
ตราประจำจังหวัดตราผ้าผูกคอลูกเสือ
Cquote1.pngทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา
นราทัศน์เพลินตา ปาโจตรึงใจ
แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน
Cquote2.png
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทยนราธิวาส
ชื่ออักษรโรมันNarathiwat
ผู้ว่าราชการนายธนน เวชกรกานนท์
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2552)
ISO 3166-2TH-96
ต้นไม้ประจำจังหวัดตะเคียนชันตาแมว
ดอกไม้ประจำจังหวัดบานบุรีเหลือง
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่4,475.430 ตร.กม.[1]
(อันดับที่ 50)
ประชากร728,071 คน[2] (พ.ศ. 2552)
(อันดับที่ 34)
ความหนาแน่น162.68 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 20)
ศูนย์ราชการ
ที่ตั้งศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ถนนพิชิตบำรุง ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส 96000
โทรศัพท์(+66) 0 7535 6531
เว็บไซต์จังหวัดนราธิวาส
แผนที่
 
แผนที่ประเทศไทย เน้นจังหวัดนราธิวาส

สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย
จังหวัดนราธิวาส เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย เป็นจังหวัดชายแดนใต้สุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลตะวันออกของแหลมมลายู ห่างจากกรุงเทพฯ ทางรถยนต์ประมาณ 1,149 กิโลเมตร โดยมีเนื้อที่ประมาณ 4,475.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,797,143.75 ไร่ ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดปัตตานีในเขตอำเภอสายบุรี อำเภอไม้แก่น และอ่าวไทย ทิศตะวันออกติดต่อกับอ่าวไทยและรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ทิศใต้ติดต่อกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดยะลาในเขตอำเภอบันนังสตา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้และภูเขา 2 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด มีป่าพรุประมาณ 361,860 ไร่ ทางแถบทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดทิวเขาสันกาลาคีรีซึ่งเป็นแนวกั้นพรมแดนไทย-มาเลเซีย ลักษณะพื้นที่จะมีความลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปสู่ทิศตะวันออก พื้นที่ราบส่วนใหญ่อยู่บริเวณติดกับอ่าวไทยและที่ราบลุ่มบริเวณแม่น้ำ 4 สาย คือ แม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำตากใบ และแม่น้ำโก-ลก มีประชากรจำนวน 717,366 คน แยกเป็นชาย 356,229 คน หญิง 361,137 คน โดยจังหวัดนราธิวาสมีศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการอุตสาหกรรมอยู่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่และมีความเจริญกว่าตัวจังหวัดมาก

เนื้อหา

[ซ่อน]

[แก้] ที่มาของชื่อ

ชื่อนราธิวาสเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ. 2458 ชื่อเดิมของพื้นที่นี้คือ เมอนารา (ภาษามลายู: Menara, منارا) ซึ่งมีความหมายว่า "หอคอย" และได้กลายเป็น บางนรา ในภาษาไทย

[แก้] ประวัติ

จังหวัดนราธิวาส เดิมมีฐานะเป็นเพียงอำเภอหนึ่ง เรียกว่า อำเภอบางนรา ขึ้นกับเมืองสายบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองภาคใต้ ต่อมาได้โอนไปขึ้นกับเมืองระแงะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองเช่นกัน โดยประวัติความเป็นมาของนราธิวาสนั้น มีความชื่อมโยงกับเรื่องราวของเมืองปัตตานี เมืองสายบุรี และเมืองระแงะ
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงรับสั่งให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท ยกทัพหลวงลงมาปักษ์ใต้เพื่อปราบปรามข้าศึกที่เข้ามาทางปักษ์ใต้ เมื่อข้าศึกแตกพ่ายหนีไปหมดแล้ว จึงเสด็จประทับ ณ เมืองสงขลา และได้มีรับสั่งออกไปถึงหัวเมืองมลายูทั้งหลาย ที่เคยขึ้นกับอยุธยามาก่อน ให้มาอ่อนน้อมดังเดิม โดยพระยาไทรบุรี และพระยาตรังกานูยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี แต่พระยาปัตตานีแข็งเมืองไม่ยอมอ่อนน้อม จึงรับสั่งให้ยกทัพไปเมืองปัตตานีเมื่อ พ.ศ. 2332 เมื่อได้เมืองปัตตานีแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานตราตั้งให้แก่พระยาสงขลา (บุญฮุย) เป็นพระยาปัตตานี และให้อยู่ในความกำกับดูแลของเมืองสงขลาต่อไป และตั้งในเป็นเมืองมนตรีขึ้นอยู่กับกรุงรัตนโกสินทร์โดยตรง ในระหว่างที่พระยาปัตตานี (ขวัญซ้าย) ว่าราชการเมืองปัตตานีอยู่นั้น บ้านเมืองสงบเรียบร้อยปกติสุขตลอดมา ครั้นเมื่อพระยาปัตตานีถึงแก่กรรม ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายพ่าย น้องชายพระยาหลวงสวัสดิภักดีผู้ช่วราชการเมืองปัตตานี และได้ย้ายที่ว่าการเมืองปัตตานีจากบ้านมะนา (อ่าวนาเกลือ) ไปตั้งอยู่ที่บ้านยามู
ในระหว่างนั้นพวกของซาเห็ดรัตนวงศ์ฯ และพวกโมเซฟได้เริ่มก่อกวนความสงบสุขของบ้านเมือง โดยคบคิดกับปล้นบ้านพระยาปัตตานี และบ้านหลวงสวัสดิภักดี แต่ก็ได้ถูกตีถอยหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านกะลาพอ แขวงเมืองสายบุรี นอกจากนั้นเมืองปัตตานีซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวาง และมีโจรผู้ร้ายชุกชุม เที่ยวปล้นบ้านเรือนราษฎรจนเหลือกำลังที่พระยาปัตตานีจะปราบให้ราบคาบได้ จึงแจ้งราชการไปยังเมืองสงขลา พระยาสงขลา (เถียนจ๋อง) ออกมาปราบปราม และจัดนโยบายแบ่งแยกเมืองปัตตานีออกเป็น 7 เมือง ได้แก่ เมืองปัตตานี, เมืองหนองจิก, เมืองยะลา, เมืองรามันห์, เมืองระแงะ, เมืองสายบุรี และเมืองยะหริ่ง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้มีพระยาปัตตานี (ต่วนสุหลง), พระยาหนองจิก (ต่วนกะจิ), พระยายะลา (ต่วนบางกอก) และพระยาระแงะ (หนิเดะ) โดยเจ้าเมืองทั้ง 4 ได้สมคบคิดกันเป็นกบฏขึ้น จึงโปรดเกล้าให้พระยาเพชรบุรี และพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) ลงมาปราบ และพิจารณาเห็นว่า หนิบอสูชาวบ้านบางปูซึ่งพระยายะหริ่แต่งตั้งให้เป็นกรมการเมืองยะหริ่งได้เป็นกำลังสำคัญ และได้ทำการต่อสู้ด้วยความกล้าหาญยิ่ง ด้วยคุณงามความดีนี้จึงได้แต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาราชการเมืองระแงะ สืบต่อจากพระยาระแงะ (หนิเดะ) ที่หนีไป และได้ย้ายที่ว่าราชการจากบ้านระแงะมาตั้งใหม่ที่ตำบลตันหยงมัส
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงให้ยกเลิกการปกครองแบบเก่า เพราะการแบ่งเขตแขวงการปกครอง และตำแหน่งหน้าที่ราชการในหัวเมืองทั้ง 7 ที่ยังทับซ้อนกันอยู่หลายแห่ง จึงได้วางระเบียบแผนการปกครองและตำแหน่งหน้าที่ราชการให้เป็นระเบียบตามสมควรแก่กาลสมัย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2444
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2449 มีประกาศพระบรมราชโองการให้แยกบริเวณ 7 หัวเมืองออกมาจากมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑลปัตตานี เพื่อสะดวกแก่ราชการ และทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญขึ้นกว่าแต่ก่อน ในปี พ.ศ. 2458 ได้ย้ายที่ว่าราชการจากเมืองระแงะ ตำบลตันหยงมัส มาตั้งที่บ้านมะนาลอ (บางมะนาวในปัจจุบัน) อำเภอบางนรา ส่วนท้องที่เมืองระแงะ และได้ยกฐานะอำเภอบางนราขึ้นเป็นเมืองบางนรา มีอำเภอในการปกครองได้แก่ อำเภอบางนรา, อำเภอตันหยงมัส, กิ่งอำเภอยะบะ, อำเภอสุไหงปาดี และกิ่งอำเภอโต๊ะโมะ
ครั้นต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสมณฑลปักษ์ใต้ เมื่อพระองค์เสด็จถึงเมืองบางนรา ทรงพระราชทานพระแสงศาสตราแก่เมืองบางนรา และทรงดำริว่าบางนรานั้นเป็นชื่อตำบลบ้าน และควรที่จะมีชื่อเมืองไว้เป็นหลักฐานสืบไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองนราธิวาส" ซึ่งหมายถึงที่อยู่ของคนดี เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2458
ในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการปรับปรุงระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคครั้งยิ่งใหญ่ และให้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นจังหวัด เมืองนราธิวาสจึงเป็นเปลี่ยนเป็น "จังหวัดนราธิวาส" จากนั้นเป็นต้นมา

[แก้] การเมืองการปกครอง

[แก้] อำเภอ

การปกครองแบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 77 ตำบล 551 หมู่บ้าน
  1. อำเภอเมืองนราธิวาส
  2. อำเภอตากใบ
  3. อำเภอบาเจาะ
  4. อำเภอยี่งอ
  5. อำเภอระแงะ
  6. อำเภอรือเสาะ
  7. อำเภอศรีสาคร
  8. อำเภอแว้ง
  9. อำเภอสุคิริน
  10. อำเภอสุไหงโก-ลก
  11. อำเภอสุไหงปาดี
  12. อำเภอจะแนะ
  13. อำเภอเจาะไอร้อง
 แผนที่

[แก้] เทศบาล

อำเภอเมืองนราธิวาส
อำเภอตากใบ
อำเภอบาเจาะ
อำเภอยี่งอ
อำเภอระแงะ
อำเภอรือเสาะ
อำเภอศรีสาคร
อำเภอแว้ง
อำเภอสุคิริน
อำเภอสุไหงโก-ลก
อำเภอสุไหงปาดี

[แก้] สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

[แก้] ดอกไม้ประจำจังหวัด

ดอกบานบุรีเหลือง (Odontadenia macrantha)

[แก้] ต้นไม้ประจำจังหวัด

ตะเคียนชันตาแมว (Neobalanocarpus heimii)

[แก้] คำขวัญประจำจังหวัด

Cquote1.svg
ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา ปาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน
Cquote2.svg
คำขวัญประจำจังหวัดนราธิวาส

[แก้] เศรษฐกิจ

[แก้] ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด GPP p1 (ปี 2548) 35,135 ล้านบาท

  • เกษตรกรรม 48.66 %
  • อุตสาหกรรม 4.97 %
  • โรงแรม/ภัตตาคาร 0.63 %
  • ค้าปลีก-ค้าส่ง 13.69 %
  • ก่อสร้าง 2.68 %
  • อื่นๆ 29.37 %

[แก้] ภาวะราคาสินค้า

  • รายได้เฉลี่ยต่อหัว (ปี 2548 p1) 44,553 บาท
  • อัตราการว่างงาน (เม.ย.–มิ.ย.49) 2.11 %
  • ค่าแรงขั้นต่ำ 144 บาท/วัน
  • อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.–ส.ค. 49/เม.ย.–ส.ค. 48) 5.4 %

[แก้] การจำหน่ายสินค้า OTOP (ม.ค.–สค. 49)

  • ยอดจำหน่ายสินค้า OTOP19.73 ล้านบาท

[แก้] มูลค่าการค้าชายแดน (ม.ค.–ส.ค.49)

  • การค้ารวม 3,329.69 ล้านบาท
  • การส่งออก 1,248.96 ล้านบาท
  • การนำเข้า 2,080.73 ล้านบาท
  • ดุลการค้า -831.77 ล้านบาท

[แก้] สังคมและวัฒนธรรม

ปัจจุบันมีสถานศึกษารวมทั้งหมด 488 แห่ง (ไม่รวมแหล่งวิชาการนอกระบบ) สังกัด สปช. 255 แห่ง สังกัด สศ. 18 แห่ง สังกัด สช. 82 แห่ง สังกัด กศป. 15 แห่ง สังกัดเทศบาล 10 แห่ง สถาบันศึกษาปอเนาะที่จดทะเบียน 76 สถาบัน จำนวนนักศึกษาก่อนประถมศึกษา 31,200 คน ระดับประถมศึกษา 88,200 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 17,300 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ ปวช. 9,400 คน ระดับอุดมศึกษา (ปวส.) 900 คน ระดับอุดมศึกษา (วิทยาลัยพยาบาล) 800 คน รวม 147,700 ค
อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง
พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์

[แก้] การศึกษา

[แก้] โรงเรียน

[แก้] ระดับอุดมศึกษา

[แก้] แหล่งท่องเที่ยว

[แก้] การคมนาคม

[แก้] ทางบก

ระยะทาง 1,149 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จังหวัดชุมพร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่านจังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดนครศรีธรรมราชจังหวัดพัทลุงอำเภอหาดใหญ่ และต่อด้วยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 เข้าสู่จังหวัดปัตตานี–จังหวัดนราธิวาส มีรถโดยสารประจำทางกรุงเทพฯ–นราธิวาส–สุไหงโก-ลก บริการทุกวัน

[แก้] ทางรถไฟ

การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดบริการเดินรถไฟระหว่างกรุงเทพฯ–สุไหงโก-ลก ทุกวันทั้งรถด่วน เวลา 15.30 น.และรถเร็วเวลา 12.14 น.

[แก้] ทางอากาศ

สายการบินแอร์เอเซีย เปิดให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) 09.10 น.–นราธิวาส 10.40 น. และนราธิวาส 11.10 น.–กรุงเทพฯ 12.40 น. ทุกวัน
สายการบิน วัน-ทู-โก เปิดให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเทพ (ดอนเมือง) 15.00 น. -นราธิวาส 16.30 น. และ นราธิวาส 17.00 น.-กรุงเทพ 18.30 น. ทุกวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น