จังหวัดนราธิวาส
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- สำหรับนราธิวาส ในความหมายอื่น ดูที่ นราธิวาส (แก้ความกำกวม)
|
เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้] ที่มาของชื่อ
ชื่อนราธิวาสเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ. 2458 ชื่อเดิมของพื้นที่นี้คือ เมอนารา (ภาษามลายู: Menara, منارا) ซึ่งมีความหมายว่า "หอคอย" และได้กลายเป็น บางนรา ในภาษาไทย[แก้] ประวัติ
จังหวัดนราธิวาส เดิมมีฐานะเป็นเพียงอำเภอหนึ่ง เรียกว่า อำเภอบางนรา ขึ้นกับเมืองสายบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองภาคใต้ ต่อมาได้โอนไปขึ้นกับเมืองระแงะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองเช่นกัน โดยประวัติความเป็นมาของนราธิวาสนั้น มีความชื่อมโยงกับเรื่องราวของเมืองปัตตานี เมืองสายบุรี และเมืองระแงะในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงรับสั่งให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท ยกทัพหลวงลงมาปักษ์ใต้เพื่อปราบปรามข้าศึกที่เข้ามาทางปักษ์ใต้ เมื่อข้าศึกแตกพ่ายหนีไปหมดแล้ว จึงเสด็จประทับ ณ เมืองสงขลา และได้มีรับสั่งออกไปถึงหัวเมืองมลายูทั้งหลาย ที่เคยขึ้นกับอยุธยามาก่อน ให้มาอ่อนน้อมดังเดิม โดยพระยาไทรบุรี และพระยาตรังกานูยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี แต่พระยาปัตตานีแข็งเมืองไม่ยอมอ่อนน้อม จึงรับสั่งให้ยกทัพไปเมืองปัตตานีเมื่อ พ.ศ. 2332 เมื่อได้เมืองปัตตานีแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานตราตั้งให้แก่พระยาสงขลา (บุญฮุย) เป็นพระยาปัตตานี และให้อยู่ในความกำกับดูแลของเมืองสงขลาต่อไป และตั้งในเป็นเมืองมนตรีขึ้นอยู่กับกรุงรัตนโกสินทร์โดยตรง ในระหว่างที่พระยาปัตตานี (ขวัญซ้าย) ว่าราชการเมืองปัตตานีอยู่นั้น บ้านเมืองสงบเรียบร้อยปกติสุขตลอดมา ครั้นเมื่อพระยาปัตตานีถึงแก่กรรม ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายพ่าย น้องชายพระยาหลวงสวัสดิภักดีผู้ช่วราชการเมืองปัตตานี และได้ย้ายที่ว่าการเมืองปัตตานีจากบ้านมะนา (อ่าวนาเกลือ) ไปตั้งอยู่ที่บ้านยามู
ในระหว่างนั้นพวกของซาเห็ดรัตนวงศ์ฯ และพวกโมเซฟได้เริ่มก่อกวนความสงบสุขของบ้านเมือง โดยคบคิดกับปล้นบ้านพระยาปัตตานี และบ้านหลวงสวัสดิภักดี แต่ก็ได้ถูกตีถอยหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านกะลาพอ แขวงเมืองสายบุรี นอกจากนั้นเมืองปัตตานีซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวาง และมีโจรผู้ร้ายชุกชุม เที่ยวปล้นบ้านเรือนราษฎรจนเหลือกำลังที่พระยาปัตตานีจะปราบให้ราบคาบได้ จึงแจ้งราชการไปยังเมืองสงขลา พระยาสงขลา (เถียนจ๋อง) ออกมาปราบปราม และจัดนโยบายแบ่งแยกเมืองปัตตานีออกเป็น 7 เมือง ได้แก่ เมืองปัตตานี, เมืองหนองจิก, เมืองยะลา, เมืองรามันห์, เมืองระแงะ, เมืองสายบุรี และเมืองยะหริ่ง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้มีพระยาปัตตานี (ต่วนสุหลง), พระยาหนองจิก (ต่วนกะจิ), พระยายะลา (ต่วนบางกอก) และพระยาระแงะ (หนิเดะ) โดยเจ้าเมืองทั้ง 4 ได้สมคบคิดกันเป็นกบฏขึ้น จึงโปรดเกล้าให้พระยาเพชรบุรี และพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) ลงมาปราบ และพิจารณาเห็นว่า หนิบอสูชาวบ้านบางปูซึ่งพระยายะหริ่แต่งตั้งให้เป็นกรมการเมืองยะหริ่งได้เป็นกำลังสำคัญ และได้ทำการต่อสู้ด้วยความกล้าหาญยิ่ง ด้วยคุณงามความดีนี้จึงได้แต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาราชการเมืองระแงะ สืบต่อจากพระยาระแงะ (หนิเดะ) ที่หนีไป และได้ย้ายที่ว่าราชการจากบ้านระแงะมาตั้งใหม่ที่ตำบลตันหยงมัส
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงให้ยกเลิกการปกครองแบบเก่า เพราะการแบ่งเขตแขวงการปกครอง และตำแหน่งหน้าที่ราชการในหัวเมืองทั้ง 7 ที่ยังทับซ้อนกันอยู่หลายแห่ง จึงได้วางระเบียบแผนการปกครองและตำแหน่งหน้าที่ราชการให้เป็นระเบียบตามสมควรแก่กาลสมัย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2444
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2449 มีประกาศพระบรมราชโองการให้แยกบริเวณ 7 หัวเมืองออกมาจากมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑลปัตตานี เพื่อสะดวกแก่ราชการ และทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญขึ้นกว่าแต่ก่อน ในปี พ.ศ. 2458 ได้ย้ายที่ว่าราชการจากเมืองระแงะ ตำบลตันหยงมัส มาตั้งที่บ้านมะนาลอ (บางมะนาวในปัจจุบัน) อำเภอบางนรา ส่วนท้องที่เมืองระแงะ และได้ยกฐานะอำเภอบางนราขึ้นเป็นเมืองบางนรา มีอำเภอในการปกครองได้แก่ อำเภอบางนรา, อำเภอตันหยงมัส, กิ่งอำเภอยะบะ, อำเภอสุไหงปาดี และกิ่งอำเภอโต๊ะโมะ
ครั้นต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสมณฑลปักษ์ใต้ เมื่อพระองค์เสด็จถึงเมืองบางนรา ทรงพระราชทานพระแสงศาสตราแก่เมืองบางนรา และทรงดำริว่าบางนรานั้นเป็นชื่อตำบลบ้าน และควรที่จะมีชื่อเมืองไว้เป็นหลักฐานสืบไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองนราธิวาส" ซึ่งหมายถึงที่อยู่ของคนดี เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2458
ในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการปรับปรุงระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคครั้งยิ่งใหญ่ และให้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นจังหวัด เมืองนราธิวาสจึงเป็นเปลี่ยนเป็น "จังหวัดนราธิวาส" จากนั้นเป็นต้นมา
[แก้] การเมืองการปกครอง
[แก้] อำเภอ
การปกครองแบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 77 ตำบล 551 หมู่บ้าน ![]() |
[แก้] เทศบาล
อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอตากใบ อำเภอบาเจาะ อำเภอยี่งอ | อำเภอระแงะ อำเภอรือเสาะ อำเภอศรีสาคร | อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน อำเภอสุไหงโก-ลก | อำเภอสุไหงปาดี |
[แก้] สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
[แก้] ดอกไม้ประจำจังหวัด
ดอกบานบุรีเหลือง (Odontadenia macrantha)[แก้] ต้นไม้ประจำจังหวัด
ตะเคียนชันตาแมว (Neobalanocarpus heimii)[แก้] คำขวัญประจำจังหวัด
![]() | ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา ปาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน | ![]() |
— คำขวัญประจำจังหวัดนราธิวาส |
[แก้] เศรษฐกิจ
[แก้] ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด GPP p1 (ปี 2548) 35,135 ล้านบาท
- เกษตรกรรม 48.66 %
- อุตสาหกรรม 4.97 %
- โรงแรม/ภัตตาคาร 0.63 %
- ค้าปลีก-ค้าส่ง 13.69 %
- ก่อสร้าง 2.68 %
- อื่นๆ 29.37 %
[แก้] ภาวะราคาสินค้า
- รายได้เฉลี่ยต่อหัว (ปี 2548 p1) 44,553 บาท
- อัตราการว่างงาน (เม.ย.–มิ.ย.49) 2.11 %
- ค่าแรงขั้นต่ำ 144 บาท/วัน
- อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.–ส.ค. 49/เม.ย.–ส.ค. 48) 5.4 %
[แก้] การจำหน่ายสินค้า OTOP (ม.ค.–สค. 49)
- ยอดจำหน่ายสินค้า OTOP19.73 ล้านบาท
[แก้] มูลค่าการค้าชายแดน (ม.ค.–ส.ค.49)
- การค้ารวม 3,329.69 ล้านบาท
- การส่งออก 1,248.96 ล้านบาท
- การนำเข้า 2,080.73 ล้านบาท
- ดุลการค้า -831.77 ล้านบาท
[แก้] สังคมและวัฒนธรรม
- เชื้อชาติ ส่วนมากเป็นชาวไทยเชื้อสายมลายูดั้งเดิม ชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวมาเลเซียอพยพจากมาเลเซีย
- ศาสนา ชาวไทยมุสลิม 82% ชาวไทยพุทธ 17.9% คริสต์ และอื่น ๆ 0.1%
- ภาษา ส่วนใหญ่ 80.4% ใช้ภาษามลายูปัตตานี นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษาไทยถิ่นใต้, ภาษาไทยตากใบ และภาษาจีน
- การศึกษา
[แก้] การศึกษา
[แก้] โรงเรียน
[แก้] ระดับอุดมศึกษา
[แก้] แหล่งท่องเที่ยว
- อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง
- อุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป
- อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี
- ป่าพรุโต๊ะแดง
- พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๕
- ศาลเจ้าแม่กวนอิม
- วัดชลธาราสิงเห
- มัสยิดตะโละมาเนาะ 200ปี
- น้ำตกสิรินธร
- น้ำตกปาโจ
- หาดนราทัศน์
[แก้] การคมนาคม
[แก้] ทางบก
ระยะทาง 1,149 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์–จังหวัดชุมพร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่านจังหวัดสุราษฎร์ธานี–จังหวัดนครศรีธรรมราช–จังหวัดพัทลุง–อำเภอหาดใหญ่ และต่อด้วยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 เข้าสู่จังหวัดปัตตานี–จังหวัดนราธิวาส มีรถโดยสารประจำทางกรุงเทพฯ–นราธิวาส–สุไหงโก-ลก บริการทุกวัน[แก้] ทางรถไฟ
การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดบริการเดินรถไฟระหว่างกรุงเทพฯ–สุไหงโก-ลก ทุกวันทั้งรถด่วน เวลา 15.30 น.และรถเร็วเวลา 12.14 น.[แก้] ทางอากาศ
สายการบินแอร์เอเซีย เปิดให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) 09.10 น.–นราธิวาส 10.40 น. และนราธิวาส 11.10 น.–กรุงเทพฯ 12.40 น. ทุกวันสายการบิน วัน-ทู-โก เปิดให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเทพ (ดอนเมือง) 15.00 น. -นราธิวาส 16.30 น. และ นราธิวาส 17.00 น.-กรุงเทพ 18.30 น. ทุกวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น